อยากเช็กตัวเองว่าอ้วนหรือผอมกว่าเกณฑ์ ต้องทำอย่างไร แล้ …
อยากรู้วิธีเช็กน้ำหนักตัวเอง ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ มีวิธีไหนทำได้บ้าง วันนี้เราจะมาแนะนำการคำนวณดัชนีมวลกายด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วย BMI ซึ่งย่อมาจาก Body Mass Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินว่าน้ำหนักตัวของเรา เมื่อเทียบกับส่วนสูงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ ค่า BMI สามารถบอกได้คร่าว ๆ ว่าเรามีน้ำหนักเกิน น้ำหนักน้อย หรือน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถทำได้เองง่าย ๆ และรู้ผลเร็ว ส่วนจะมีวิธีคำนวณอย่างไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย
ทำไมต้องรู้ค่า BMI?
ค่า BMI หรือ ดัชนีมวลกาย เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากสำหรับสุขภาพของเรา เป็นตัวช่วยให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับส่วนสูงได้อย่างชัดเจน นำไปสู่การประเมินสุขภาพโดยรวมได้ดีขึ้น เหตุผลที่เราควรทราบค่า BMI ของตัวเองมีดังนี้
- ประเมินความเสี่ยงต่อโรค ค่า BMI ที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไขข้อ และโรคอื่น ๆ อีกมากมาย การรู้ค่า BMI ทำให้เราสามารถเฝ้าระวัง และป้องกันโรคเหล่านี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- วางแผนการดูแลสุขภาพ หากค่า BMI ของเราไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เราสามารถปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย หรือการใช้ยา ได้
- ติดตามผลการดูแลสุขภาพ การคำนวณค่า BMI เป็นประจำ ช่วยให้เราสามารถติดตามความคืบหน้าของการดูแลสุขภาพได้ เช่น การลดน้ำหนักหรือการเพิ่มน้ำหนัก และปรับเปลี่ยนแผนการดูแลได้ตามความเหมาะสม
- สร้างความมั่นใจในสุขภาพ การรู้ค่า BMI ทำให้เรามีความมั่นใจในสุขภาพของตัวเองมากขึ้น และสามารถวางแผนชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค่า BMI บอกอะไรเราได้บ้าง?
- น้ำหนักน้อย ค่า BMI ต่ำกว่า 18.5 อาจบ่งบอกว่าเรามีน้ำหนักน้อยเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ อ่อนเพลีย
- น้ำหนักปกติ ค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5 – 24.9 แสดงว่าน้ำหนักของเราอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- น้ำหนักเกิน ค่า BMI อยู่ระหว่าง 25.0 – 29.9 แสดงว่าเรามีน้ำหนักเกิน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ
- อ้วน ค่า BMI เท่ากับหรือมากกว่า 30.0 แสดงว่าเราอยู่ในภาวะอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคเรื้อรังหลายชนิด
วิธีคำนวณค่า BMI
การคำนวณค่า BMI นั้นง่ายมาก เพียงใช้น้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง (หน่วยเป็นเมตร)
สูตร: BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร)
ตัวอย่าง:
- ถ้าคุณหนัก 60 กิโลกรัม และสูง 1.65 เมตร
- BMI = 60 / (1.65 x 1.65) = 22.04
โดยสามารถแปลผลค่า BMI ได้ดังนี้
ค่า BMI < 18.5 แสดงถึง อยู่ในเกณฑ์น้ำหนักน้อยหรือผอม
ค่า BMI 18.5 – 22.90 แสดงถึง อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ค่า BMI 23 – 24.90 แสดงถึง น้ำหนักเกิน
ค่า BMI 25 – 29.90 แสดงถึง โรคอ้วนระดับที่ 1
ค่า BMI 30 ขึ้นไป แสดงถึง โรคอ้วนระดับที่ 2
ข้อควรจำ
- ค่า BMI เป็นเพียงตัวชี้วัดเบื้องต้น เพราะค่า BMI ไม่ได้บอกถึงสัดส่วนไขมันในร่างกายโดยตรง และอาจไม่เหมาะสมสำหรับบางกลุ่มบุคคล เช่น เด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ นักกีฬา หรือหญิงตั้งครรภ์
- ควรปรึกษาแพทย์ หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่า BMI หรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
สุดท้ายแล้ว การรู้ค่า BMI ของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยให้เราเข้าใจสุขภาพของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และสามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม หากคุณต้องการทราบค่า BMI ที่ถูกต้องและแม่นยำ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด
